Friday, April 17, 2015

กินยาแล้วง่วง..อย่าห่วงขับรถ

ยาบางชนิดทั้งที่ได้รับจากแพทย์หรือหาซื้อรับประทานเองตามร้านขายยาเพื่อรักษาโรคหรืออาการที่เป็นอยู่ ยาหลายชนิดมักมีผลทำให้สูญเสียความสามารถในการขับขี่ คุณอาจไม่รู้สึกตัวว่ายาอาจทำให้สูญเสียความสามารถในการขับขี่จนกว่าคุณจะอยู่ในสภาวะที่ต้องตอบสนองอย่างรวดเร็วและแม่นยำเพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดอุบัติเหตุ อย่างไรก็ตามไม่จำเป็นเสมอไปว่ายาเหล่านี้จะมีผลต่อการขับขี่ของคุณ


ภาพประกอบจาก
http://www.ehow.com

โรคหรืออาการที่อาจจะได้รับยาที่มีผลต่อความสามารถในการขับขี่ ได้แก่
·         นอนไม่หลับ เครียด ซึมเศร้า
·         โรคทางระบบประสาท
·         ภูมิแพ้ ไข้หวัด อาการไอ
·         อาการปวด
·         ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ
·         เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง

ยาที่มีการใช้บ่อย ได้แก่ chlorpheniramine, diphenhydramine, dimenhydrinate, ibuprofen, naproxen, tramadol, codeine, amitriptyline, flunarizine, cinnarizine, tolperisone, ?orphenadrine ฯลฯ โดยยาเหล่านี้อาจทำให้
·         ง่วงนอน อ่อนเพลีย อ่อนล้า
·         การมองเห็นเปลี่ยนไป ไม่สามารถปรับระยะสายตาได้ มองภาพเบลอ
·         วิงเวียนศีรษะ หน้ามืด
·         เคลื่อนไหวช้าลง
·         คลื่นไส้
·         หงุดหงิด ฉุนเฉียว อารมณ์เสียง่าย
·         กระสับกระส่าย เสียสมาธิ

หากต้องขับรถแล้วจะรับประทานยาเหล่านี้ได้หรือไม่
ถ้าหากคุณเคยรับประทานยาเหล่านี้มาแล้วและไม่เกิดอาการข้างเคียงใด ๆ ก็สามารถขับขี่รถได้ตามปกติ ในบางรายหากเกิดอาการข้างเคียง แพทย์จะเป็นผู้ลดผลกระทบจากยาที่มีต่อการขับขี่รถของคุณ โดยที่แพทย์อาจจะ
·         ปรับขนาดยา
·         ปรับเวลาในการรับประทานยา เช่น อาจรับประทานยาหลังจากขับรถถึงที่หมายแล้ว หรือให้รับประทานก่อนนอน
·         แนะนำให้คุณปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบางอย่าง เช่น ออกกำลังกาย หรือ รับประทานอาหาร เพื่อทดแทนการใช้ยา
·         และสุดท้าย แพทย์อาจเปลี่ยนยาเป็นตัวยาที่มีผลทำให้ง่วงนอนน้อยกว่า

การปฏิบัติตัวเมื่อรับประทานยาเหล่านี้
·         หากได้ยาใหม่ ควรสังเกตอาการข้างเคียงในช่วงแรก แม้ว่ายาจะมีแนวโน้มทำให้ง่วงแต่ไม่จำเป็นเสมอไปว่าจะเกิดขึ้นกับทุกคน
·         แจ้งแพทย์หรือเภสัชกรทุกครั้ง หากคุณรับประทานยา ยาสมุนไพร หรืออาหารเสริม เพราะยาบางอย่างอาจเสริมฤทธิ์ในการเกิดผลข้างเคียง
·         ไม่ควรรับประทานยาร่วมกับเครื่องดื่มที่ผสมแอลกอฮอล์ เช่น เบียร์ ไวน์ บรั่นดี เหล้า
·         หากมีอาการง่วงให้หยุดขับรถชั่วคราว การรับประทานยาอย่างต่อเนื่องประมาณ 1-2 สัปดาห์ร่างกายมักจะปรับตัวได้ อาการง่วงอาจลดลงหรือหายไปในที่สุด
·         ห้ามหยุดยาเองโดยที่แพทย์ไม่ได้สั่ง ยาบางอย่างหากหยุดรับประทานอาจมีผล คาดเข็มขัดนิรภัยหรือสวมหมวกกันน็อกทุกครั้ง

ทางเลือก หากเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องรับประทานยา
·         หาเพื่อนร่วมทาง อาจเป็นญาติหรือเพื่อนสักคน แนะนำว่าควรเป็นผู้ที่ขับขี่รถเป็นด้วย
·         โบกแท็กซี่
·         นั่งรถตู้ รถประจำทาง รถไฟฟ้า
·         หากที่ทำงานไม่ไกลมากนักหรือรู้สึกง่วงแล้วหละก็ จอดรถทิ้งไว้แล้วเดินออกกำลังสักนิดก็คงพอทำให้สดชื่น หายง่วงขึ้นมาบ้าง

หากสงสัยว่ายาที่ท่านได้มานั้นมีโอกาสทำให้ง่วงหรือไม่ สามารถตรวจสอบเบื้องต้นได้ที่ www.yaandyou.net

ผู้เรียบเรียง ภก. ปรัชญา เจตินัย
นักวิชาการ มูลนิธิเพื่อการวิจัยและพัฒนาระบบยา

Key: ง่วง, ง่วงนอน, อ่อนเพลีย, คลื่นไส้

No comments:

Post a Comment